วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

ค่ายบางกุ้ง (ตอนที่ ๗ พุทธานุภาพ)


พุทธานุภาพ 




     เหรียญพระเจ้าตากสินเผด็จศึกค่ายบางกุุ้ง จะมีพุทธานุภาพอย่างไรนั้น ขอให้ท่านผู้ใช้นำไปทดลองติดตัวอยู่เสมอ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าเหรียญนี้เอาพระรูปพระนามของพระเจ้าตากสินมาใช้  องค์พระเจ้าตากสินก็มีบุญฤทธิ์ เมื่อยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ที่ท่านเสด็จออกศึกสงคราม ไม่เคยปรากฎต้องอาวุธเป็นอันตรายแต่อย่างไรเลย เหรียญนี้คงจะดีทางแคล้วคลาด ดวงฤกษ์ที่วางไว้ให้กาลกิณีตัวศัตรูเป็นวินาศ จะแคล้วคลาดปราศจากศัตรู พระอาจารย์ผู้ทำพิธีปลุกเสกท่านก็ทรงวิทยาคุณทางเมตตามหานิยม เหรียญนี้จะมีคุณภาพเป็นพิเศษทางเมตตามหานิยมด้วย  สมดังพระคาถาว่า  "ชัยยะตุภะวัง สัพพศัตรู วินาสสันติ"
     ด้วยเจตนาการสร้างเหรียญนี้เพื่อเป็นการเผยแพร่พระเกียรติคุณพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์ยอดนักรบไทย พระมหาบุรุษผู้กู้ชาติบ้านเมือง เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจประชาชนให้น้อมรำลึกถึงพระองค์ท่านด้วยความกตัญญูกตเวที   และเพื่อเป็นทีพึ่งแก่ผู้เชื่อถือในพลานุภาพจะคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภัยพิบัติอุปัทวันตราย

     ขอย้ำว่าพระเครื่องหรือเหรียญต่างๆนั้น จะมีพุทธานุภาพก็ต้องประกอบด้วยจิตที่เชื่อมั่น ยึดเหนี่ยวเป็นที่พึ่ง พุทธานุภาพจะปรากฎ  จิตที่เลื่อมใสศรัทธาย่อมชักพาพุทธานุภาพมาสู่ตนทุกเมื่อ 
(โปรดติดตามตอนต่อไป)

วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560

ค่ายบางกุ้ง( ตอนที่ ๖ พิธีพุทธาภิเษก )


พิธีพุทธาภิเษก

     ในวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๑ ตรงกับวันอังคาร วันธงชัย จันทร์เกาะเพฌฆาตฤกษ์ ได้กำหนดฤกษ์ทำพิธีสวดพุทธาภิเษกเหรียญพระเจ้าตากสินเผด็จศึกค่ายบางกุ้ง ที่โบสถ์วัดบางกุ้ง  เพฌฆาตฤกษ์นี้โบราณท่านใช้เพื่อความขลัง  เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ประกอบกิจอันต้องการให้คนเกรงขาม  เป็นการข่มขวัญแสดงอำนาจให้ฝ่ายปัจจามิตรพ่ายแพ้  ใช้ในการหล่อพระทำเครื่องรางของขลังทางไสยศาสตร์ทางไสยศาสตร์ ท่านห้ามใช้ในพิธีมงคลอย่างอื่น  

     เวลา  ๑๑.๐๐ น.ตรง  เริ่มพิธีสวดพระพุทธมนต์ นายพัฒนพงศ์ ศุกรโยธิน  ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสงคราม  จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย  พระสงฆ์ให้ศีลแล้วสวดพระสูตรต่างๆ  เช่น รัตนสูตร  มงคลสูตร  อานาฎิยสูตร  เป็นต้น  

     "เสาโรเมื่อพระรถยศไกร             เล่นสะบ้ามีชัยสโมสร
       เป็นยามดีมีสง่าสถาพร              เล่นพนันผันผ่อนจะมีชัย"
      
      ตำราอัฎกาลกล่าวไว้เช่นนี้ เมื่อเริ่มพิธีสวดพระพุทธมนต์


      เวลา ๑๙.๐๐ น. ขุนนิกรนรารักษ์  อดึตผู้ตรวจราชการ กรมการปกครอง ทำพิธีจุดเทียนชัย  พระสงฆ์สวดจุดเทียนชัย 
       เวลา ๒๐.๐๐ น. นายธวัชชัย เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม  จุดธูปเทียนบูชาพระธรรม พระสงฆ์ ๔ รูป  จากวัดพระเชตุพนฯ สวดพุทธาภิเษก  พระสงฆ์ ๑๔ รูป นั่งบริกรรม  นายสุดใจ กรรณเลขา นายอำเภออัมพวา  จุดเทียนน้ำมนต์ ๑๐๘ เล่ม  นายหอม บูรณสิงห์ เป็นเจ้าพิธีพราหมณ์ นายสุพงษ์ เนตรสว่าง  นั่งปรกฆราวาส  
       
       พระสงฆ์ที่มาทำพิธีสวดพุทธาภิเษกวันนี้ มีพระสงฆ์จากวัดพระเชตุพนฯ ๔ รูป  พระสวดพระพุทธมนต์ ๑๔รูป  ดังจะกล่าวนามไว้ดังนี้  
        ๑. พระเทพสังวรวิมล               วัดเจริญสุขาราม
        ๒. พระครูโพธาภิรมย์               วัดบ้านเลือก ราชบุรี 
        ๓. พระสมุทรโมลี                     วัดเพชรสมุทรวรวิหาร
        ๔. พระครูโกวิทสมุทรคุณ         วัดจุฬามณี
        ๕. พระครุสมุทรวิจาร                วัดประชาโฆษิตาราม
        ๖. พระครูสมุทรวิริยาภรณ์         วัดสวนหลวง
        ๗. พระครูสุวรรณสมุทรคุณ       วัดเทพประสิทธิ์
        ๘. พระครูสมุทรธรรมสุนทร       วัดกาหลง สมุทรสาคร
        ๙. พระครูสมุทรสุนทรธรรมกิจ   วัดแก้วเจริญ  
        ๑๐. พระอาจารย์เยื่อ                   วัดบางกุ้ง
        ๑๑. พระอาจารย์หนู                    วัดภุมรินทร์กุฎีทอง
        ๑๒. พระอาจารย์อ่วม                  วัดเพลง ราชบุรี
        ๑๓. พระอาจารย์แดง                  วัดบางเกาะเทพศักดิ์
        ๑๔. พระราชธรรมาภรณ์             วัดดอนยายหอม  




      การทำพิธีสวดพุทธาภิเษก ได้ปฎิบัติให้ถูกต้องตามประเพณีนิยมแต่โบราณกาลทุกอย่าง มีการตั้งศาลเพียงตาบวงสรวงเทวดา  บอกเล่าพระภูมิเจ้าที่ อัญเชิญดวงพระวิญญาณพระเจ้าตากสินมหาราช มีหัวหมู กล้วย อ้อย มะพร้าวอ่อน ขนมต้มขาวต้มแดง  ธูปเทียนดอกไม้ ฉัตรเงินฉัตรทอง   ภายในโบสถ์อัญเชิญพระพุทธรูปปางมารวิชัย  รูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี)  พระรูปฤาษี ตั้งลดหลั่นกันตามลำดับ  จัดที่นั่งสวดพุทธาภิเษกไว้ด้านหน้า  ตั้งแท่นพระนั่งปรกไว้เคียงข้างที่พระนั่งบริกรรมอยู่ทั้ง ๔ ทิศ ตรงกลางตัวแท่นมีเหรียญพระเจ้าตากสินใส่พานไว้ห่อด้วยผ้าขาว  วงสายสิจญ์ มีกระถางธูป ขันน้ำมนต์ซึ่งภายในบรรจุเหรียญทำน้ำมนต์ของสมเด็จกรมพระยาปวเรศวิริยาลงกรณ์ ผู้มีชื่อเสียงทางสร้างพระกริ่งปวเรศร์ไว้ด้วย  เทียนชัยสูงเพียงตา เทียนน้ำมนต์ ๑๐๘ เล่ม ธูปหอม ๑๐๘ ดอก เมื่อพระสวดพุทธาภิเษก พระนั่งปรกและนั่งบริกรรมก็สำรวมจิตเป็นสมาธิ ตามเสียงสวดพุทธาภิเษก เพ่งกระแสจิตเข้าสู่เหรียญที่ปลุกเสกเป็นระยะๆ ไปเป็นจบๆ จนกระทั่งเสร็จพิธี พระเทพสังวรวิมล พระครูโพธาภิรมย์ ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ พระสมุทรโมลีดับเทียนชัยด้วยใบพูล ๗ ใบ พระสงฆ์สวดมนต์ดับเทียนชัย สวดชยันโต แล้วถวายเครื่องไทยทาน  พระสงฆ์สวดอนุโมทนา เป็นเสร็จพิธี  

     

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ค่ายบางกุ้ง (ตอนที่ ๕ การสร้างเหรียญพระเจ้าตากสินเผด็จศึกค่ายบางกุ่ง)


          การสร้างเหรียญพระเจ้าตากสินเผด็จศึกค่ายบางกุ้ง

           วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๑๑ ข้าพเจ้าได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อสั่งทำเหรียญ ข้าพเจ้าได้เตรียมเหรียญตัวอย่างแบบต่างๆ และพระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าตากสินไปด้วย  ได้จัดธูปเทียนดอกไม้พวงมาลัยไปถวายสักการะดวงวิญญาณของพระเจ้าตากสินมหาราชที่อนุุสาวรีย์วงเวียนใหญ่  อธิษฐานขอความเป็นสิริมงคลความสวัสดีมีชัย   ปรากฎว่ามีนกฝูงใหญ่บินบ่ายหน้าไปทางเมืองสมุทรสงคราม   ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความมั่นใจมากขึ้น 
          กลับสมุทรสงครามในคืนวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๑๑  ข้าพเจ้าได้ฝันว่ามีเด็กชายคนหนึ่งเป็นเด็กโบราณ อายุประมาณ ๕ ขวบ  ได้วิ่งลงไปที่ชายฝั่งแม่น้ำ  ข้าพเจ้าตกใจเกรงว่าเด็กจะจมน้ำจึงวิ่งตามไป  แต่ปรากฎว่าน้ำในแม่น้ำแห้งขอด  เด็กคนน้้นลงไปในแม่น้ำแล้วก็กลับขึ้นบันไดท่าน้ำโดยปลอดภัย  ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาก็นึกว่าฝันนี้เป็นนิมิตดีเกี่ยวกับการสร้างเหรียญพระเจ้าตากสิน  เพราะคล้ายเรื่องในประวัติศาสตร์ที่พระเจ้าตากสินยังทรงพระเยาว์  เป็นเด็กวัดเล่นซุกซนพระอาจารย์จึงจับผูกล่ามไว้กับบันไดท่าน้ำแล้วก็จำวัดหลับไป  ตื่นขึ้นมาน้ำท่วมบันไดตกใจรีบไปดูก็เห็นบันไดหลุดลอยน้ำขึ้นมา  พระเจ้าตากสินยังผูกติดกับบันไดลอยน้ำอยู่  เพราะบุญญาภินิหารของพระเจ้าตากสินจึงทำให้บันไดหลุดลอยน้ำไม่เป็นอันตราย  ความฝันนี้ทำให้ข้าพเจ้ามั่นใจมากว่า การสร้างเหรียญพระเจ้าตากสินคร้ังนี้จะมีพุทธานุภาพในทางแคล้วคลาดจากอุปัทวันตราย  
          วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๑๑ ข้าพเจ้าเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อติดตามการทำเหรียญ เป็นการเหมาะสมจริงๆ แม่พิมพ์แกะเสร็จแล้ว  แต่ด้านหลังมีช่องว่างเหลืออยู่  ทำให้ไม่งาม  ข้าพเจ้าจึงควักเหรียญรูปหน้าเสือป่าในสมัยรัชกาลที่ ๖ ให้ช่างแกะตราหน้าเสือในตรงช่องว่างนั้น ด้วยพระเจ้าตากสินมหาราชนั้นเกิดปีขาล  พระองค์ท่านก็นับว่าเป็นยอดทหารเสือไปรบศึกเหนือเสือใต้ไม่เคยแพ้  เมือเสด็จยกทัพมาตีพม่าที่ล้อมค่ายบางกุ้งก็ได้ชัยชนะ  พงศาวดารกล่าวว่า  "พระเกียรติยศปรากฎขจรขจายไปทั่วทุกทิศดุจพระยาไกรราชสีห์อันมีฤทธิ์เป็นที่คร้ามเกรงแก่หมู่สุัตว์ดุจบาททั้งปวง"
          วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๑๑ ข้าพเจ้าพร้อมด้วยนายอากาศ มีสมบูรณ์ ได้ออกนิมนต์พระตามวัดต่างๆซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ  หลวงพ่อวัดจุฬามณี วัดประชาโฆษิตาราม วัดสวนหลวง วัดเจริญสุขาราม เป็นต้น  ท่านเจ้าคุณเทพสังวรวิมล วัดเจริญสุขาราม ท่านกล่าวว่า การทำพิธีควรจะมีการทำพิธีบวงสรวงบอกเล่าเชื้อเชิญเทวดาเขาด้วย ให้เขาอวยชัยให้พร  เทวดาพวกนี้เขามีฤทธิ์ ไม่บอกเล่าเขาไม่ดี ท่านพูดเป็นนัยๆว่า เทวดามี ๒ อย่าง เทวดาที่มองเห็นและเทวดาที่มองไม่เห็น  ข้าพเจ้าจึงเกิดความคิดว่าจะเชื้อเชิญให้ครบถ้วนกระบวนความตามคำแนะนำของเจ้าคุณ  
         ข้าพเจ้าไปนมัสการท่านสมภารเยื่อวัดบางกุ้ง ขอยืมสถานที่และเครื่องใช้ ข้าพเจ้าเรียนกับท่านว่า วัดอื่นก็สะดวกแต่ไม่ใช้  ตั้งใจจะใช้โบสถ์วัดบางกุ้งทำพิธี ถือเป็นนิมิตว่าพระเจ้าตากสินได้เคยเสด็จมาปราบศึกทีนี่ และเล่าความฝันที่ว่าได้เห็นเด็กชายโบราณนั้นให้ท่านฟังด้วย  ท่านสมภารเยื่อฟังแล้วชอบใจมาก 
         
          ข้าพเจ้าได้อาศัยบารมีท่านเจ้าคุณสมุทรโมลี ช่วยนิมนต์พระสวดพุทธาภิเษกจากวัดพระเชตุพนฯได้ ๔ รูป นิมนต์พระอาจารย์ผู้ทรงคุณวิทยาคุณได้อีก ๒ รูป คือวัดบ้านเลือก โพธาราม วัดกาหลง สมุทรสาคร  นิมนต์พระวัดปรกได้ ๑๔ รูป พระสวดพุทธาภิเษกได้ ๔ รูป รวม ๑๘ รูป 
           วันที่  ๒๑ เมษายน ๒๕๑๑ ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีวอก เวลา  ๐๖.๔๕ น. จันทร์เกาะภูมิปาโลฤกษ์  (ฤกษ์ผู้ครองแผ่นดิน ) อาทิตย์บริวารสถิตราศีเมษ เป็นมหาอุจ  อังคารเดชสถิตราศีเมษเป็นเกษตร  พุธเป็นสิริสถิตราศีเมษ เกตุสถิตราศีเมษ  ทั้ง ๔ ดวงนี้กุมลัคนา พฤหัสบดีสถิตราศีสิงห์ ศุกร์กาลกิณี  บัดนี้เป็นมหาอุจสถิตราศีมีนเป็นวินาส  เสาร์มูละสถิตราศีมีน ราหูสถิตราศีมีน ทั้ง  ๓ ดวงนี้เป็นวินาส หนุนลัคนา มฤตยูสถิตราศีกันย์เป็นอริ  ผู้รู้ทางโหราศาสตร์โปรดพิจารณาดูว่าดวงนี้เด่นเพียงใด บริวาร เดช ศรี กุมลัคนา อยู่ราศีเมษ เป็นบุญฤทธิ์เด่นมากอยู่แล้ว  ศุกร์กาลกิณีตัวปรปักษ์หรือปัจจามิตร  ก็เป็นวินาสเสียแล้ว  จะทำอะไรได้ เสาร์ก็เสื่อมฤทธิ์ ราหูก็หมดอิทธิพลทั้งคู่  ไม่ให้โทษมีแต่จะฟื้นขึ้นมาให้คุณหนุนหลังลัคนา  ภูมิปาโลฤกษ์ก็ให้คุณในทางมั่นคงถาวรร่มเย็นเป็นสุข 
          ดวงฤกษ์นี้คล้ายดวงกรุงเทพฯ  หรือดวงชะตาประเทศไทยที่โหรหลวงได้วางไว้ในสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  อาทิตย์กุมลัคนา เป็นมหาอุจ  ตั้งแต่ตั้งกรุงเทพฯ พ.ศ.๒๓๒๕ เป็นต้นมา หมู่อมิตรทำอันตรายกรุงเทพฯมิได้เลย   แม้มนตรีใดใหญ่คับเมืองขึ้นมาก็พินาศทุกราย ท่านผู้อ่านประว้ติศาสตร์พงศาวดารกรุงเทพฯ คงได้สังเกตในเรื่องนี้ 
          ท่านผู้รู้อธิบายว่า  โหรโบราณท่านจะให้ฤกษ์ที่สำคัญๆ  ท่านรอให้ดาวทุกดวงไปชุมนุมกันอยู่ในราศีอุตรกุรุทวีป  (มีน เมษ พฤกษ) ทั่งสิ้น  เช่น ดวงกรุงเทพฯ มีดาวอยู่ในราศีอุตรกุรุทวีปถึง ๖ ดวง  รวมท้ังลัคนาด้วย เป็น ๗ ตำแหน่ง  แม้จะมีดาววินาสก็ถือว่าโอบอุ้มลัคนา  ล้อมหน้าล้อมหลังมีกำลังมาก  แม้ดวงชะตาของบุคคลสำคัญ ถ้ามีดวงดาวอยู่ในราศีอุตรกุรุทวีปมาก ก็มักมีบุญฤทธิ์ เช่น พระเจ้าตากสินมหาราช มี ๔ ดวง สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)  มี ๓ ดวง ๔ ลัคนา
นายควง อภัยวงศ์ มี  ๔ ดวง  ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช มี ๕ ดวง   พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มี ๔ ดวง พระจุลจอมเกล้าฯ มี  ๕ ดวง  

          ดวงฤกษ์เหรียญพระเจ้าตากสินเผด็จศึกค่ายบางกุ้งนี้  มีดวงดาวชุมนุมอยู่ในราศีอุตรกุรุทวีปถึง  ๗ ดวง  รวมท้ังลัคนาด้วยเป็น  ๘ ตำแหน่ง เหมือนดวงกรุงเทพฯ  คือ อาทิตย์เป็นมหาอุจกุมลัคนา  ศุกร์กาลกิณีเป็นวินาส ราหูมนตรีเป็นวินาส ทั้ง  ๔ ดวงนี้ เหมือนกัน ดวงกรุงเทพฯยั่งยืนถาวร ศัตรูทำอันตรายมิได้  มนตรีใดมีอิทธิพลเข้ามาบดบังก็มักพินาศไป  ข้าพเจ้าจึงมั่นใจว่า ดวงเหรียญพระเจ้าตากสินเผด็จศึกค่ายบางกุ้งนี้ จะยั่งยืนถาวร ปราศจากซึ่งภัยพิบัติอุปัทอันตราย ศัตรูหมู่ร้ายก็มักแพ้ภัยพินาศเช่นเดียวกัน  

       
         (โปรดติดตามตอนต่อไป) 

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ค่ายบางกุ้ง (ตอนที่ ๔ เหรียญพระเจ้าตากสินเผด็จศึกค่ายบางกุ้ง)







เหรียญพระเจ้าตากสินเผด็จศึกค่ายบางกุ้ง 



เหรียญพระเจ้าตากสินเผด็จศึกค่ายบางกุ้ง  




          คณะกรรมการอำนวยการลูกเสืออำเภออัมพวาน้ัน ตั้งขึ้นตาม
พระราชบัญญัติลูกเสืออำเภออัมพวา รวม ๒๗ ท่าน ในการประชุมน้ัน ข้าพเจ้าเสนอกับคณะกรรมการว่า ขอเสนอเรื่องหาเงินสร้างค่ายบางกุ้ง  เสนอว่าจะสร้างเหรียญพระเจ้าตากสินขึ้นสมนาคุณแก่ผู้บริจาคเงินด้วย  ข้าพเจ้าชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ด้วยค่ายบางกุ้งนี้พระเจ้าตากสินเคยยกทัพมาตีพม่าจนได้ชัยชนะเป็นเกียรติประวัติแก่บ้านเมืองของเรา จึงคิดว่าควรสร้างเหรียญพระเจ้าตากสินขึ้นเป็นที่ระลึก เป็นเครื่องสมนาคุณแก่ผู้บริจาคเงิน  และให้มีพิธีพุทธาภิเษกตามแบบโบราณด้วย

          เหรียญพระเจ้าตากสินเผด็จศึกค่ายบางกุ้งนี้ ทำเป็นรูปครึ่งองค์ทรงขัตติยาภรณ์ เป็นเหรียญรูปกลมรีขนาดปานกลาง  ด้านหน้าจารึกว่า  "พระเจ้าตากสินเผด็จศึกค่ายบางกุ้ง"  ด้านหลังจารึกว่า "ชัยยะตุภะวัง สัพพะ ศัตรูวินาศสันติ" ซึ่งเป็นพรที่พระเจ้าตากสินพระราชทานแก่แม่ทัพนายกองที่ออกศึก  
(โปรดติดตามตอนต่อไป)











วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560

ค่ายบางกุ้ง (ตอนที่ ๓ ค่ายลูกเสือบางกุ้ง)



ค่ายลูกเสือบางกุ้ง

          ค่ายบางกุ้งที่สร้างมา ๒๐๐ ปีได้กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่เป็นค่ายลูกเสือบางกุ้ง  พระเจ้าตากสินมหาราชผู้เป็นยอดทหารเสือ ท่านประสูติปีขาล เมื่อค่ายนี้กลับเป็นค่ายลูกเสือ ก็นับเป็นมงคลนาม เพราะลูกเสือเหล่านี้ก็คือ ลูกทหารเสือ  ซึ่งสืบเนื่องมาจากพระเจ้าตากสินมหาราชนั่นเอง   
          ค่ายลูกเสือบางกุ้ง มีประวัติความเป็นมาอย่างไร สมควรจะเล่าประวัติไว้ให้คนได้ปรากฎ   จะได้มีหลักฐานประวัติที่แน่นอน  จึงขอเล่าประวัติไว้ต้ังแต่แรกสร้าง 
          จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นตั้งแต่ท่านขุนนิกรนรารักษ์(นกแก้ว พัวไพโรจน์)  อดีตผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ได้มีจิตศรัทธาบริจาคเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาทให้สร้างตึกเรียนโรงเรียนอัมพวันวิทยาลัย  ได้กำหนดให้มีพิธีมอบเงินแก่พณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ณ ห้องประชุมกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๐ ในวันทำพิธีมอบเงินนี้ได้มีผู้มีเกียรติหลายท่านไปร่วมในพิธี ข้าพเจ้าก็ได้ไปด้วย ก่อนทำพิธีมอบเงิน ท่านขุนนิกรนรารักษ์ และคุณสุดใจ กรรณเลขาได้พบคุณอภัย จันทวิมล ปลัดกระทรวงศึกษา ท่านปลัดกระทรวงศึกษาได้ปรารภว่า จังหวัดอื่นๆ มีค่ายลูกเสือกันหมดแล้ว เหลือแต่จังหวัดสมุทรสงครามยังไม่มีค่ายลูกเสือ  ขอฝากให้ท่านขุนและนายอำเภอช่วยเป็นธุระหาที่ดินให้สักแห่ง   จะได้สร้างค่ายลูกเสือ ท่านขุนนิกรนรารักษ์  และท่านนายอำเภอก็รับปากมา
          วันที่๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๐ ท่านปลัดกระทรวงศึกษาธิการและคณะได้เดินทางมาสมุทรสงครามเพื่อดูสถานที่สร้างค่ายลูกเสือ  ข้าพเจ้าได้พาท่านไปกราบหลวงพ่อบ้านแหลม เยี่ยมโรงเรียนอัมพวันวิทยาลัย และไปเยี่ยมท่านเจ้าคุณสังวรวิมล ที่วัดเจริญสุขาราม ซึ่งท่านปลัดกระทรวงคุ้นเคยนับถืออยู่   ท่านเจ้าคุณแนะนำว่ ควรจะสร้างที่วัดบางกุ้ง  เพื่อรักษาประวัติศาสตร์ไว้ ท่านปลัดกระทรวงจึงกลับมาดูบริเวณที่ดินวัดบางกุ้งน้อย  ท่านปลัดกระทรวงชอบใจชัยภูมิแห่งนี้มาก  กล่าวว่า ดีที่สุดที่จังหวัดสมุทรสงครามมีอยู่  ท่านตกลงใจให้สร้างค่ายลูกเสือทีบริเวณค่ายบางกุ้งนี้  
          ครั้นถึงวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๑ คุณพัฒนพงศ์ ศุกรโยธิน ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสงครามได้เรียกประชุมศึกษาธิการอำเภอและครูใหญ่เพื่อดำเนินการเรื่องค่ายลูกเสือบางกุ้งต่อไป  และได้ไปดูสถานที่สร้างค่ายลูกเสือ  








          เมื่อไปที่วัดบางกุ้ง ข้าพเจ้าได้เดินดูรอบๆบริเวณ ก็เกิดความคิดย้อนไปถึงประวัติศาสตร์ชาติไทยในอดีตว่า พระเจ้าตากสินมหาราชท่านเคยไปตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ที่เมืองจันทบุรี แล้วยกทัพเรือเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาคืนได้   กลับมาตั้งกรุงธนบุรีขึ้นในปีพ.ศ.๒๓๑๑  ในปีนั้นพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกทัพเรือเข้าตีพม่าที่ล้อมค่ายบางกุ้งไว้ได้ชัยชนะ   ระยะเวลาครบ ๒๐๐ ปีพอดี  ค่ายแห่งนี้ก็กลับฟื้นคืนชีพขึ้นเป็นค่ายลูกเสืออีกคร้ังหนึ่ง  ข้าพเจ้าเกิดความคิดว่าควรฟื้นฟูจิตใจคนให้ฟื้นขึ้นให้ระลึกย้อนหลังไปถึงประวัติศาสตร์ด้วยความภาคภูมิใจด้วย อะไรก็ไม่ปลุกใจให้คนรักชาติบ้านเมืองได้เท่าประวัติศาสตรื 
          เมื่อดูสถานที่แล้ว  ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปนมัสการท่านสมภารเยื้อนบนกุฎิ ท่านกล่าวว่าวัดบางกุ้งนี้ตกอับมานานเกือบจะถูกยุบเสียก็หลายครั้ง  ถึงไม่ถูกยุบก็ไม่มีใครรู้จักไม่มีใครสนใจ เมื่อสร้างค่ายลูกเสือขึ้นก็ดีแล้ว คนไปมาจะได้รู้จักวัดบางกุ้งบ้าง  ช่วยเขียนประวัติวัดบางกุ้งให้ด้วยคนเขาจะได้รู้จักวัดบางกุ้งบ้าง  คำพูดของท่านสมภารวัดบางกุ้งสะกิดใจข้าพเจ้าว่า การเขียนประวัติออกเผยแพร่นี้ก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยฟื้นฟูประวัติศาสตร์ ฟื้นฟูจิตใจคนทั้งหลายได้เป็นอย่างดี  ควรจะทำไปพร้อมๆกันกับการสร้างค่ายลูกเสือแห่งนี้ด้วย ข้าพเจ้าจึงได้หาหลักฐานจากหนังสือเก่าๆที่มีอยู่  ได้ทราบเรื่องราวเพิ่มขึ้นอีกเป็นอันมาก  



          ในเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๑๑ นั้นเอง จังหวัดสมุทรสงครามได้รับหนังสือจากพณฯ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ประธานจัดงานฉลองวันพระราชสมภพครบ  ๒๐๐ ปีของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  ว่าทางส่วนกลางอนุมัติงบประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท ให้ทางจังหวัดจัดงานฉลองขึ้นที่วัดอัมพวันเจติยาราม ให้เสนอโครงการจัดงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการโดยด่วน  เพื่อจะได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลให้ในหลวงทรงทราบ และบันทึกไว้ว่าควรมอบให้นายเทพ สุนทรศารทูล ศึกษาธิการอำเภออัมพวา เป็นผู้เขียนโครงการจัดงานเสนอจังหวัด  ข้าพเจ้าจึงรับหน้าที่เป็นผู้เขียนโครงการจัดงานฉลองครบ ๒๐๐ ปีแห่งวันพระราชสมภพของพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสนอจังหวัด  ที่จริงก็เป็นโอกาสอันงามของข้าพเจ้าด้วย  ทั้งนี้นอกจากข้าพเจ้าจะเสนอโครงการให้มีการแสดงนาฎศิลป์  บทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๒ ทุกเรื่องที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้  ข้าพเจ้ายังเสนอให้มีการแสดงตำนานกลางแจ้งเรื่อง ศึกค่ายบางกุ้ง ไว้ด้วย มีผู้ติงว่าเรื่องค่ายบางก้งไม่เกี่ยวกับรัชกาลที่ ๒  ข้าพเจ้าก็ยืนยันว่าเกี่ยว เพราะเป็นเรื่องที่เกิดในจังหวัดสมุทรสงครามในสมัยที่พระพุทธเลิศหล้านภาลัยประสูติได้ ๑ ปี และยังประทับอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงครามด้วย  ด้วยความที่อยากจะฟื้นฟูประวัติศาสตร์ตอนนี้มาก  ตำนานค่ายบางกุ้งนี้ ลูกเสือสมุทรสงครามเคยเอาไปแสดงรอบกองไฟที่กรุงเทพฯครั้งหนึ่ง เมื่อพ.ศ.๒๔๗๖  แต่ไม่เคยแสดงที่จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อถึงวันแสดงจริง การแสดงตำนานค่ายบางกุ้ง แสดงได้อย่างดี ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชอบใจมาก ออกปากชม คนดูก็ชอบอกชอบใจกันมาก เป็นอันว่าการแสดงตำนานค่ายบางกุ้งเพื่อฟื้นฟูจิตใจให้ระลึกถึงเรื่องนี้ ก็ได้ผลสมใจ



(โปรดติดตามตอนต่อไป)
          

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2560

ค่ายบางกุ้ง (ตอนที่ ๒)




   


ค่ายบางกุ้ง
   ค่ายบางกุ้ง  จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นค่ายทหารเรือไทยที่มีชื่อปรากฎอยู่ในพงศาวดารชาติไทย  และชื่อเสียงจังหวัดสมุทรสงครามน้้นก็สืบเนื่องมากจากค่ายบางกุ้งนี้  จึงสมควรเล่าเรื่องค่ายบางกุ้งไว้ให้ปรากฎเพื่อเตือนความทรงจำของชาวสมุทรสงครามต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน
          เมื่อพ.ศ. ๒๓๑๐ ในแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยา  พม่ายกกองทัพมารุกรานบ้านเมืองไทย  สมัยน้ันพระเจ้ามังระกษัตริย์พม่าให้เกณฑ์กองทัพพล ๒๕,๐๐๐ คน ยกเข้าตีเมืองไทยสองทาง  ให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพยกเข้าตีทางใต้  ให้เนเมียวสีหบดียกเข้ามาตีทางเหนือ  ให้ตีบรรจบกันที่กรุงศรีอยุธยาเป็นศึกขนาบสองด้าน  กองทัพของเนเมียวสีหบดีเข้าตีเมืองเชียงใหม่ เมืองกำแพงเพชรจนแตก แล้วต้ังค่ายมั่นต่อเรือสะสมเสบียงอาหารอยู่ ฝ่ายกองทัพมังมหานรธาเข้าตีเมืองมะริด เมืองตะนาวศรี ซึ่งเป็นของไทยแตกทั้งสองเมือง หุยจองกา เจ้าเมืองหนีไปอยู่ชุมพร พม่าก็ยกกองทัพติดตามมาตีเมืองชุมพรแตก  เผาเมืองชุมพรเสียแล้วยกกองทัพเข้ามาตีกองทัพของพระพิเรนทรเทพที่ตั้งค่ายอยู่ที่เมืองกาญจนบุรีแตกอีก  แล้วยกเข้ามาตีเมืองราชบุรี เพชรบุรีแตกทั้งสองเมือง  แล้วยกกองทัพกลับไปต้ังกองทัพต่อเรือสะสมเสบียงอาหารอยู่ที่ดงรังหนองขาวเมืองกาญจนบุรี
          พระเจ้าเอกทัศน์ทรงทราบข่าวศึก จึงโปรดให้เกณฑ์กองทัพออกต่อสู้  ให้กองทัพบกยกไปตั้งค่ายรับข้าศึกอยู่ที่ตำบลบางตำหรุ เมืองราชบุรีแห่งหนึ่ง ให้กองทัพเรือยกมาต้ังค่ายอยู่ที่ตำบลบางกุ้ง  เมืองสมุทรสงครามแห่งหนึ่ง  ให้พระยารัตนาธิเบศร์ยกทัพเมืองนครราชสีมามาตั้งค่ายอยู่ที่เมืองธนบุรีแห่งหนึ่ง ให้พระยายมราชยกกองทัพมาตั้งค่ายอยู่ที่เมืองนนทบุรีแห่งหนึ่ง 
          คร้ันพ.ศ.๒๓๐๘ ทัพมังมหานรธาก็ยกทัพเรือเข้าตีค่ายทหารบกที่บางบำหรุแตก ยกเข้ามาตีค่ายทหารเรือที่ค่ายบางกุ้งแตก แล้วยกไปตีเมืองธนบุรี  พระยารัตนาธิเบศร์ก็ยกทัพหนี พม่าก็ยกทัพไปตีเมืองนนทบุรีแตกอีกแล้วเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ด้านหนึ่ง  กองทัพดของเนเมียวสีหบดีก็ยกทัพเข้ามาตีเมืองพิษณุโลก เมืองนครสวรรค์แตกแล้วยกทัพเรื่อยเข้ามาล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้อีกด้านหนึ่ง  จนกระทั่งกรงศรีอยุธยาแตกเมื่อพ.ศ.๒๓๑๐  แล้วตั้งให้นายทองอินทร์คนไทยทึ่จงรักภักดีอยู่กับพม่าเป็นสุกี้นายกองคุมกองทัพรักษากรุงศรีอยุธยาไว้ ต้ังให้นายบุญส่งคุมค่ายเมืองธนบุรีไว้  แล้วยกทัพหลวงกลับไป
          ในพ.ศ.๒๓๑๐ นั้นเอง พระเจ้าตากสินได้ถูกเรียกตัวเข้าช่วยราชการในกรุงศรีอยุธยา  แต่เมื่อเห็นแม่ทัพไทยฝีมือไม่เข้มแข็ง ทหารไทยแตกความสามัคคีกัน  เห็นจะสู้พม่าไม่ได้ จึงพาทหารประมาณ ๕๐๐ คนตีฝ่าออกไปจากกรุงศรีอยุธยาได้ พม่ายกติดตามไปก็ถูกพระเจ้าตากสินตีแตกกลับมาถึงสองครั้งสองครา  พระเจ้าตากสินได้ไปตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ที่เมืองชลบุรี พระยาจันทบุรีไม่ยอมอ่อนน้อม จึงยกทัพเข้าตีเมืองจันทบุรีแตกแล้วต้ังกองสะสมเสบียงอาหารต่อเรือรบที่เมืองจันทบุรี  เมื่อเห็นว่าได้มากเพียงพอแล้วก็ยกทัพเรือเข้ามาตีเมืองธนบุรีแตก  แล้วก๊กสุกี้นายกองที่รักษาอยู่ที่กรุงเก่าแตกพ่ายไป พระเจ้าตากสินกู้กรุงศรีอยุธยาคืนมาได้ แล้วยกมาตั้งกรุงธนบุรีขึ้นใหม่ในปีพ.ศ.๒๓๑๑  เมื่อตั้งกรุงธนบุรีขึ้นแล้วก็โปรดให้พวกคนจีนในลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ราชบุรี กาญจนบุรี รวบรวมกำลังกันต้ังเป็นกองทัพรักษาค่ายบางกุ้งไว้  จึงเรียกว่า "ค่ายจีนบางกุ้ง" 
          ในปีพ.ศ.๒๓๑๑ ปีเดียวกัน พระเจ้ามังระกษัตริย์พม่าให้แมงกี้มารหยาเจ้าเมืองทวาย ยกกองทัพเข้ามาสืบข่าวศึกในเมืองไทยว่าสงบราบคาบดีหรือกำเริบขึ้นประการใด  แมงกี้มารหยาคุมพล ๒๐,๐๐๐ คนยกเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์เมืองกาญจนบุรี  แล้วยกเข้ามาตั้งพักพลสะสมเสบียงอาหารอยู่ที่ไทรโยคเมืองกาญจนบุรี  แล้วส่งโปมังเป็นกองทัพคุมพล ๒,๐๐๐ คนเศษยกล่วงหน้ามาล้อมค่ายจีนบางกุ้งไว้  ทหารจึนค่ายบางกุ้งพยายามต่อสู้ แต่สู้ไม่ได้เพราะมีกำลังน้อยกว่า  นอกจากน้ันยังถูกกองทัพพม่าล้อมไว้ทำให้ขาดแคลนเสบียงอาหาร  ค่ายจีนบางกุ้งจวนจะแตกอยู่แล้ว  คณะกรรมการเมืองสมุทรสงครามสมัยน้ันจึงมีใบบอกไปยังกรุงธนบุรี 
          คร้ันพระเจ้าตากสินทรงทราบก็มีพระทัยยินดีประดุจได้ลาภอันวิเศษกว่าลาภทั้งปวง  ด้วยมีพระราชหฤทัยหนักหน่วงในอันทีจะปลุกใจคนไทยมิให้คร้ามเกรงพม่าอีกต่อไป  จึงโปรดให้จัดกองทัพเรือ ๒๐ ลำเศษ ให้มหามนตรี (บุญมา)  เป็นกองหน้า พระเจ้าตากสินเสด็จคุมทัพเรือมาด้วยตนเอง เสด็จโดยเรือพระที่นั่งสุวรรณมหาพิชัยนาวา เรือยาว ๑๑ วา ปากเรือกว้าง ๓ ศอก พลกรรเชียง ๒๘ คน เสด็จโดยด่วนมาในคืนน้ัน  พงศาวดารกล่าวว่า "ดุจพระยาชวันหงษ์  อันนำหน้าสุวรรณหงษ์ทั่้งปวง" คร้ันรุ่งเช้าก็ถึงเมืองสมุทรสงคราม  ทอดพระเนตรเห็นทัพเรือพม่าเข้าล้อมค่ายจีนบางกุ้งอยู่ก็โปรดสั่งให้ทหารเรือไทยเข้าโจมตีทันที ทหารไทยยิงปืนมณฑกนกสับคาบศิลา  รุกไล่ฆ่าฟันทหารพม่าแตกตื่นตกใจหนีพ่ายไปในเพลาเดียว  ทหารไทยฆ่าฟันทหารพม่าล้มตายไปเป็นอันมาก ที่หลบหนีไปได้นั้นน้อยนัก เก็บเรือรบ เรือไล่ เครื่องศัตราวุธของพม่าได้เป็นจำนวนมาก  พระเกียรติยศของพระเจ้าตากสินก็ลือชาปราฎขจรขจายไปทุกทิศ เป็นที่คร้ามเกรงแก่ปัจจามิตร เปรียบดั่งพระยาไกรสรราชสีห์อันมีฤทธิ์เป็นที่คร้ามเกรงแก่หมู่สัตว์จตุบาททั้งปวง  นับแต่น้ันเป็นต้นมาก็ไม่ปรากฎว่ามีข้าศึกล่วงล้ำเข้ามาล่วงเกินเมืองสมุทรสงครามอีกเลย  เมืองสมุทรสงครามก็ร่มเย็นเป็นสุขสืบมาเป็นเวลาช้านาน 
          พระมหามนตรี (บุญมา)  นายกองหน้าที่มาตีพม่าที่ค่ายบางกุ้ง  เมื่อพ.ศ.๒๓๑๑ นั้น  เป็นพระอนุชาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้เลื่อนยศเป็นพระยาอนุชิตราชา พระยายมราช เจ้าพระยายมราช และเจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราชตามลำดับ  ในแผ่นดินพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้เป็นพระมหาอุปราชทรงพระนามว่่า  กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เป็นแม่ทัพที่เข้มแข็งมีฝืมือในการศึกสงครามมาก  นับว่าเป็นวีรบุรุษคนสำคัญยิ่งของชาติไทยผู่หนึ่ง  ที่ได้เป็นกำลังกู้ชาติบ้านเมืองไว้ มีพระเกียรติยศปรากฎอยู่ทั้งในสมัยกรุงธนบุรีและกรุงเทพ ฯ  พระองค์ท่านประสูติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๒๘๖ ในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศฐ์ สวรรคตเมื่อพ.ศ.๒๓๔๖  ในแผ่นดินพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  พระชนมายุ ๖๐ พรรษา มีพระโอรสธิดา ๔๓ พระองค์  มีราชสกุลสืบต่อมา ๔ สกุล คือ อสุนี ณ อยุธยา, โตษะนีย์ ณ อยุธยา, นีรสิงห์ ณ อยุธยา, ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา 
          เมื่อพ.ศ. ๒๓๑๗ พม่ายกทัพเข้ามาตั้งอยู่ที่ค่ายบางแก้ว ราชบุรี พระเจ้าตากสินมหาราชได้เสด็จกรีฑาทัพเรือไปรบพม่าที่ราชบุรี โดยทางชลมารคผ่านเมืองสมุทรสงครามอีกครั้งหนึ่ง เสด็จโดยเรือพระที่นั่งกราบยาว ๑๓ วา ปากเรือกว้าง ๓ ศอกเศษ พลพาย ๔๐ คน  ไพร่พล ๘๘๖๓ คน ปืนใหญ่น้อย ๒๗๗ กระบอก ถึงเมืองแม่กลองก็หยุดพักพลที่ค่ายแม่กลอง  แล้วเสด็จยกทัพไปหยุดพักเสวยพระกระยาหารที่ค่ายบางกุ้ง  เมื่อวันจันทร์เดือน ๓ แรม ๑๒ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๓๑๗ แล้วเสด็จยกทัพไปในวันน้้น 
          พระเจ้าตากสินมหาราชนั้น นับเป็นมหาวีรบุรุษของชาติไทย ในฐานะที่พระองค์ได้กู้ชาติบ้านเมืองของไทยไว้  เป็นบุญของชาติไทยที่เทพยดาฟ้าดินได้กำหนดให้พระองค์ท่านเสด็จมาอุบัติในชาติไทย  ด้วยพระบุญญาธิการที่ได้สั่งสมมาแต่อดีตชาติ  ได้ส่งเสริมให้พระองค์ท่านรุ่งเรืองขึ้นโดยลำดับ  เป็นหลวงยกกระบัตรเมืองตากเมื่อพระชนมายุ ๒๕ ปี ได้เลื่อนเป็นพระยาตากเมื่อพระชนมายุ ๓๐ ปี  ได้เลื่อนเป็นพระยาวชิรปราการเมื่อพระชนมายุ ๓๑ ปี  ได้ไปตั้งตัวเป็นใหญ่ที่เมืองจันทบุรีเมื่อพระชนมายุ ๓๒ ปี  และกู้กรุงศรีอยุธยาคืนได้ภายในปีเดียว ปราบดาภิเศกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์เมื่อพระชนมายุ ๓๓ ปี  สมกับคำที่ว่า "กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี"  พระองค์ท่านมีบุญคุณแก่ไทยอย่างล้นเหลือ ยากที่จะหาสิ่งใดตอบแทนได้  นอกจากคำเทิดทูนว่า "เป็นมหาวีรบุรุษผู้กู้ชาติ  เป็นมหาราชผู้ยิ่งใหญ่"  
          ค่ายบางกุ้ง เป็นอนุสรณ์สถานที่ชวนให้น้อมใจรำลึกถึงพระเจ้าตากสินมหาราช   เพราะเหตุที่พระองค์ท่านได้เสด็จกรีฑาทัพมาเผด็จศึกพม่าที่ค่ายนี้ เมื่อพ.ศ. ๒๓๑๑  ค่ายทหารแห่งนี้มีเกียรติศักดิ์ทหารไทยในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราชฝากไว้เป็นอนุสรณ์ในชัยชนะที่ภาคภูมิใจแห่งหนึ่ง ควรที่จะเป็นอนุสรณ์สถานที่เตือนใจลูกหลานไทยไปชั่วกาลนาน  

          

(โปรดติดตามตอนตอไป)