ค่ายลูกเสือบางกุ้ง
ค่ายบางกุ้งที่สร้างมา ๒๐๐ ปีได้กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่เป็นค่ายลูกเสือบางกุ้ง พระเจ้าตากสินมหาราชผู้เป็นยอดทหารเสือ ท่านประสูติปีขาล เมื่อค่ายนี้กลับเป็นค่ายลูกเสือ ก็นับเป็นมงคลนาม เพราะลูกเสือเหล่านี้ก็คือ ลูกทหารเสือ ซึ่งสืบเนื่องมาจากพระเจ้าตากสินมหาราชนั่นเอง
ค่ายลูกเสือบางกุ้ง มีประวัติความเป็นมาอย่างไร สมควรจะเล่าประวัติไว้ให้คนได้ปรากฎ จะได้มีหลักฐานประวัติที่แน่นอน จึงขอเล่าประวัติไว้ต้ังแต่แรกสร้าง
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นตั้งแต่ท่านขุนนิกรนรารักษ์(นกแก้ว พัวไพโรจน์) อดีตผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ได้มีจิตศรัทธาบริจาคเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาทให้สร้างตึกเรียนโรงเรียนอัมพวันวิทยาลัย ได้กำหนดให้มีพิธีมอบเงินแก่พณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ณ ห้องประชุมกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๐ ในวันทำพิธีมอบเงินนี้ได้มีผู้มีเกียรติหลายท่านไปร่วมในพิธี ข้าพเจ้าก็ได้ไปด้วย ก่อนทำพิธีมอบเงิน ท่านขุนนิกรนรารักษ์ และคุณสุดใจ กรรณเลขาได้พบคุณอภัย จันทวิมล ปลัดกระทรวงศึกษา ท่านปลัดกระทรวงศึกษาได้ปรารภว่า จังหวัดอื่นๆ มีค่ายลูกเสือกันหมดแล้ว เหลือแต่จังหวัดสมุทรสงครามยังไม่มีค่ายลูกเสือ ขอฝากให้ท่านขุนและนายอำเภอช่วยเป็นธุระหาที่ดินให้สักแห่ง จะได้สร้างค่ายลูกเสือ ท่านขุนนิกรนรารักษ์ และท่านนายอำเภอก็รับปากมา
วันที่๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๐ ท่านปลัดกระทรวงศึกษาธิการและคณะได้เดินทางมาสมุทรสงครามเพื่อดูสถานที่สร้างค่ายลูกเสือ ข้าพเจ้าได้พาท่านไปกราบหลวงพ่อบ้านแหลม เยี่ยมโรงเรียนอัมพวันวิทยาลัย และไปเยี่ยมท่านเจ้าคุณสังวรวิมล ที่วัดเจริญสุขาราม ซึ่งท่านปลัดกระทรวงคุ้นเคยนับถืออยู่ ท่านเจ้าคุณแนะนำว่ ควรจะสร้างที่วัดบางกุ้ง เพื่อรักษาประวัติศาสตร์ไว้ ท่านปลัดกระทรวงจึงกลับมาดูบริเวณที่ดินวัดบางกุ้งน้อย ท่านปลัดกระทรวงชอบใจชัยภูมิแห่งนี้มาก กล่าวว่า ดีที่สุดที่จังหวัดสมุทรสงครามมีอยู่ ท่านตกลงใจให้สร้างค่ายลูกเสือทีบริเวณค่ายบางกุ้งนี้
ครั้นถึงวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๑ คุณพัฒนพงศ์ ศุกรโยธิน ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสงครามได้เรียกประชุมศึกษาธิการอำเภอและครูใหญ่เพื่อดำเนินการเรื่องค่ายลูกเสือบางกุ้งต่อไป และได้ไปดูสถานที่สร้างค่ายลูกเสือ
เมื่อไปที่วัดบางกุ้ง ข้าพเจ้าได้เดินดูรอบๆบริเวณ ก็เกิดความคิดย้อนไปถึงประวัติศาสตร์ชาติไทยในอดีตว่า พระเจ้าตากสินมหาราชท่านเคยไปตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ที่เมืองจันทบุรี แล้วยกทัพเรือเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาคืนได้ กลับมาตั้งกรุงธนบุรีขึ้นในปีพ.ศ.๒๓๑๑ ในปีนั้นพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกทัพเรือเข้าตีพม่าที่ล้อมค่ายบางกุ้งไว้ได้ชัยชนะ ระยะเวลาครบ ๒๐๐ ปีพอดี ค่ายแห่งนี้ก็กลับฟื้นคืนชีพขึ้นเป็นค่ายลูกเสืออีกคร้ังหนึ่ง ข้าพเจ้าเกิดความคิดว่าควรฟื้นฟูจิตใจคนให้ฟื้นขึ้นให้ระลึกย้อนหลังไปถึงประวัติศาสตร์ด้วยความภาคภูมิใจด้วย อะไรก็ไม่ปลุกใจให้คนรักชาติบ้านเมืองได้เท่าประวัติศาสตรื
เมื่อดูสถานที่แล้ว ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปนมัสการท่านสมภารเยื้อนบนกุฎิ ท่านกล่าวว่าวัดบางกุ้งนี้ตกอับมานานเกือบจะถูกยุบเสียก็หลายครั้ง ถึงไม่ถูกยุบก็ไม่มีใครรู้จักไม่มีใครสนใจ เมื่อสร้างค่ายลูกเสือขึ้นก็ดีแล้ว คนไปมาจะได้รู้จักวัดบางกุ้งบ้าง ช่วยเขียนประวัติวัดบางกุ้งให้ด้วยคนเขาจะได้รู้จักวัดบางกุ้งบ้าง คำพูดของท่านสมภารวัดบางกุ้งสะกิดใจข้าพเจ้าว่า การเขียนประวัติออกเผยแพร่นี้ก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยฟื้นฟูประวัติศาสตร์ ฟื้นฟูจิตใจคนทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ควรจะทำไปพร้อมๆกันกับการสร้างค่ายลูกเสือแห่งนี้ด้วย ข้าพเจ้าจึงได้หาหลักฐานจากหนังสือเก่าๆที่มีอยู่ ได้ทราบเรื่องราวเพิ่มขึ้นอีกเป็นอันมาก
ในเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๑๑ นั้นเอง จังหวัดสมุทรสงครามได้รับหนังสือจากพณฯ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ประธานจัดงานฉลองวันพระราชสมภพครบ ๒๐๐ ปีของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ว่าทางส่วนกลางอนุมัติงบประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท ให้ทางจังหวัดจัดงานฉลองขึ้นที่วัดอัมพวันเจติยาราม ให้เสนอโครงการจัดงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการโดยด่วน เพื่อจะได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลให้ในหลวงทรงทราบ และบันทึกไว้ว่าควรมอบให้นายเทพ สุนทรศารทูล ศึกษาธิการอำเภออัมพวา เป็นผู้เขียนโครงการจัดงานเสนอจังหวัด ข้าพเจ้าจึงรับหน้าที่เป็นผู้เขียนโครงการจัดงานฉลองครบ ๒๐๐ ปีแห่งวันพระราชสมภพของพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสนอจังหวัด ที่จริงก็เป็นโอกาสอันงามของข้าพเจ้าด้วย ทั้งนี้นอกจากข้าพเจ้าจะเสนอโครงการให้มีการแสดงนาฎศิลป์ บทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๒ ทุกเรื่องที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ ข้าพเจ้ายังเสนอให้มีการแสดงตำนานกลางแจ้งเรื่อง ศึกค่ายบางกุ้ง ไว้ด้วย มีผู้ติงว่าเรื่องค่ายบางก้งไม่เกี่ยวกับรัชกาลที่ ๒ ข้าพเจ้าก็ยืนยันว่าเกี่ยว เพราะเป็นเรื่องที่เกิดในจังหวัดสมุทรสงครามในสมัยที่พระพุทธเลิศหล้านภาลัยประสูติได้ ๑ ปี และยังประทับอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงครามด้วย ด้วยความที่อยากจะฟื้นฟูประวัติศาสตร์ตอนนี้มาก ตำนานค่ายบางกุ้งนี้ ลูกเสือสมุทรสงครามเคยเอาไปแสดงรอบกองไฟที่กรุงเทพฯครั้งหนึ่ง เมื่อพ.ศ.๒๔๗๖ แต่ไม่เคยแสดงที่จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อถึงวันแสดงจริง การแสดงตำนานค่ายบางกุ้ง แสดงได้อย่างดี ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชอบใจมาก ออกปากชม คนดูก็ชอบอกชอบใจกันมาก เป็นอันว่าการแสดงตำนานค่ายบางกุ้งเพื่อฟื้นฟูจิตใจให้ระลึกถึงเรื่องนี้ ก็ได้ผลสมใจ
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นตั้งแต่ท่านขุนนิกรนรารักษ์(นกแก้ว พัวไพโรจน์) อดีตผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ได้มีจิตศรัทธาบริจาคเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาทให้สร้างตึกเรียนโรงเรียนอัมพวันวิทยาลัย ได้กำหนดให้มีพิธีมอบเงินแก่พณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ณ ห้องประชุมกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๐ ในวันทำพิธีมอบเงินนี้ได้มีผู้มีเกียรติหลายท่านไปร่วมในพิธี ข้าพเจ้าก็ได้ไปด้วย ก่อนทำพิธีมอบเงิน ท่านขุนนิกรนรารักษ์ และคุณสุดใจ กรรณเลขาได้พบคุณอภัย จันทวิมล ปลัดกระทรวงศึกษา ท่านปลัดกระทรวงศึกษาได้ปรารภว่า จังหวัดอื่นๆ มีค่ายลูกเสือกันหมดแล้ว เหลือแต่จังหวัดสมุทรสงครามยังไม่มีค่ายลูกเสือ ขอฝากให้ท่านขุนและนายอำเภอช่วยเป็นธุระหาที่ดินให้สักแห่ง จะได้สร้างค่ายลูกเสือ ท่านขุนนิกรนรารักษ์ และท่านนายอำเภอก็รับปากมา
วันที่๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๐ ท่านปลัดกระทรวงศึกษาธิการและคณะได้เดินทางมาสมุทรสงครามเพื่อดูสถานที่สร้างค่ายลูกเสือ ข้าพเจ้าได้พาท่านไปกราบหลวงพ่อบ้านแหลม เยี่ยมโรงเรียนอัมพวันวิทยาลัย และไปเยี่ยมท่านเจ้าคุณสังวรวิมล ที่วัดเจริญสุขาราม ซึ่งท่านปลัดกระทรวงคุ้นเคยนับถืออยู่ ท่านเจ้าคุณแนะนำว่ ควรจะสร้างที่วัดบางกุ้ง เพื่อรักษาประวัติศาสตร์ไว้ ท่านปลัดกระทรวงจึงกลับมาดูบริเวณที่ดินวัดบางกุ้งน้อย ท่านปลัดกระทรวงชอบใจชัยภูมิแห่งนี้มาก กล่าวว่า ดีที่สุดที่จังหวัดสมุทรสงครามมีอยู่ ท่านตกลงใจให้สร้างค่ายลูกเสือทีบริเวณค่ายบางกุ้งนี้
ครั้นถึงวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๑ คุณพัฒนพงศ์ ศุกรโยธิน ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสงครามได้เรียกประชุมศึกษาธิการอำเภอและครูใหญ่เพื่อดำเนินการเรื่องค่ายลูกเสือบางกุ้งต่อไป และได้ไปดูสถานที่สร้างค่ายลูกเสือ
เมื่อดูสถานที่แล้ว ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปนมัสการท่านสมภารเยื้อนบนกุฎิ ท่านกล่าวว่าวัดบางกุ้งนี้ตกอับมานานเกือบจะถูกยุบเสียก็หลายครั้ง ถึงไม่ถูกยุบก็ไม่มีใครรู้จักไม่มีใครสนใจ เมื่อสร้างค่ายลูกเสือขึ้นก็ดีแล้ว คนไปมาจะได้รู้จักวัดบางกุ้งบ้าง ช่วยเขียนประวัติวัดบางกุ้งให้ด้วยคนเขาจะได้รู้จักวัดบางกุ้งบ้าง คำพูดของท่านสมภารวัดบางกุ้งสะกิดใจข้าพเจ้าว่า การเขียนประวัติออกเผยแพร่นี้ก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยฟื้นฟูประวัติศาสตร์ ฟื้นฟูจิตใจคนทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ควรจะทำไปพร้อมๆกันกับการสร้างค่ายลูกเสือแห่งนี้ด้วย ข้าพเจ้าจึงได้หาหลักฐานจากหนังสือเก่าๆที่มีอยู่ ได้ทราบเรื่องราวเพิ่มขึ้นอีกเป็นอันมาก
ในเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๑๑ นั้นเอง จังหวัดสมุทรสงครามได้รับหนังสือจากพณฯ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ประธานจัดงานฉลองวันพระราชสมภพครบ ๒๐๐ ปีของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ว่าทางส่วนกลางอนุมัติงบประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท ให้ทางจังหวัดจัดงานฉลองขึ้นที่วัดอัมพวันเจติยาราม ให้เสนอโครงการจัดงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการโดยด่วน เพื่อจะได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลให้ในหลวงทรงทราบ และบันทึกไว้ว่าควรมอบให้นายเทพ สุนทรศารทูล ศึกษาธิการอำเภออัมพวา เป็นผู้เขียนโครงการจัดงานเสนอจังหวัด ข้าพเจ้าจึงรับหน้าที่เป็นผู้เขียนโครงการจัดงานฉลองครบ ๒๐๐ ปีแห่งวันพระราชสมภพของพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสนอจังหวัด ที่จริงก็เป็นโอกาสอันงามของข้าพเจ้าด้วย ทั้งนี้นอกจากข้าพเจ้าจะเสนอโครงการให้มีการแสดงนาฎศิลป์ บทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๒ ทุกเรื่องที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ ข้าพเจ้ายังเสนอให้มีการแสดงตำนานกลางแจ้งเรื่อง ศึกค่ายบางกุ้ง ไว้ด้วย มีผู้ติงว่าเรื่องค่ายบางก้งไม่เกี่ยวกับรัชกาลที่ ๒ ข้าพเจ้าก็ยืนยันว่าเกี่ยว เพราะเป็นเรื่องที่เกิดในจังหวัดสมุทรสงครามในสมัยที่พระพุทธเลิศหล้านภาลัยประสูติได้ ๑ ปี และยังประทับอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงครามด้วย ด้วยความที่อยากจะฟื้นฟูประวัติศาสตร์ตอนนี้มาก ตำนานค่ายบางกุ้งนี้ ลูกเสือสมุทรสงครามเคยเอาไปแสดงรอบกองไฟที่กรุงเทพฯครั้งหนึ่ง เมื่อพ.ศ.๒๔๗๖ แต่ไม่เคยแสดงที่จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อถึงวันแสดงจริง การแสดงตำนานค่ายบางกุ้ง แสดงได้อย่างดี ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชอบใจมาก ออกปากชม คนดูก็ชอบอกชอบใจกันมาก เป็นอันว่าการแสดงตำนานค่ายบางกุ้งเพื่อฟื้นฟูจิตใจให้ระลึกถึงเรื่องนี้ ก็ได้ผลสมใจ
(โปรดติดตามตอนต่อไป)